News:

- History

     นานกว่า 101 ปี ที่ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้สร้างนิสิตที่มีความรู้และคุณธรรมเป็นเลิศ งานวิจัยที่ลํ้าหน้า และงานบริการสังคมสอดคล้องกับความต้องการของชุมชน ซึ่งชื่อเสียงของภาควิชาวิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น สามารถเห็นได้จากผลงานระดับโลก ผลงานระดับประเทศของนิสิตเก่าที่ได้สร้างผลงานไว้อย่างมากมาย

     การเรียนการสอนในสาขาวิศวกรรมโยธามีกำเนิดในประเทศไทยมาก่อนการสถาปนา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวคือประมาณ พ.ศ. 2424 เมื่อสถาปนาโรงเรียนข้าราชการพลเรือนในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โอนโรงเรียนเกษตรแผนกวิศวกรรมการคลองให้มาสังกัดในโรงเรียนนี้ และต่อมาใน พ.ศ. 2455 ได้มีการสำรวจความต้องการของส่วนราชการและกรมกองต่าง ๆ พบว่ามีความต้องการความรู้ทางวิศวกรรมมากขึ้น ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงพระกรุณาฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนยันตรศึกษาขึ้นในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2456 ถือเป็นการกำเนิดคณะวิศวกรรมศาสตร์ และสาขาวิศวกรรมโยธาถือเป็นหน่วยหนึ่งของโรงเรียนนี้ เรื่อยมา จนถึง พ.ศ. 2459 ได้มีการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขึ้น และโรงเรียนยันตรศึกษาได้เปลี่ยนชื่อเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬา- ลงกรณ์มหาวิทยาลัย

     ใน พ.ศ. 2478 ได้มีการจัดตั้งเป็นแผนกวิชาอย่างไม่เป็นทางการและมีบัณฑิตเข้ารับปริญญา วิศวกรรมศาสตรบัณฑิตเป็นรุ่นแรก (ก่อนหน้านี้ เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิศวกรรมศาสตร์เป็นหลักสูตร 3 ปี) หลังจากนั้นก็ได้การปรับปรุงและขยายงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยใน พ.ศ. 2484 ได้จัดหลักสูตรปริญญาวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธาขึ้นเป็นครั้งแรก แต่หลักสูตรนี้ต้องหยุดชะงักชั่วคราวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เพียง 2-3 รุ่น จนถึง พ.ศ. 2502 บัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ภายใต้สนธิสัญญาระหว่างประเทศในองค์การ SEATO สปอ. ได้ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดการสอนระดับปริญญามหาบัณฑิตในระบบสากลขึ้นเป็นครั้งแรก และให้บัณฑิตวิศวกรรมโยธาของแผนกวิชาร่วมศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษากับบัณฑิตวิทยาลัยใหม่ที่ตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2514 บัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ สปอ. ได้ยุบเลิกและเปลี่ยนชื่อเป็นสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) และย้ายไปที่รังสิต จังหวัดปทุมธานี หลังจากนั้น แผนกวิชาวิศวกรรมโยธาจึงได้เริ่มดำเนินการสอนระดับบัณฑิตศึกษาต่อไปตามเดิม ต่อมาแผนกวิชาวิศวกรรมโยธาได้ปรับปรุงหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาสาขาวิศวกรรมโยธาใหม่ โดย แบ่งออกเป็น 4 สาขาวิชา คือ สาขาวิชาวิศวกรรมโครงสร้าง สาขาวิชาวิศวกรรมปฐพี สาขาวิชาวิศวกรรมชลศาสตร์ และสาขาวิชาวิศวกรรมการทาง ซึ่งต่อมาได้มีการเปลี่ยนสาขาวิชาวิศวกรรม ชลศาสตร์เป็นสาขาวิชาวิศวกรรมแหล่งนํ้า และ สาขาวิชาวิศวกรรมการทางเป็นสาขาวิชาวิศวกรรมการขนส่ง

     ใน พ.ศ. 2522 ได้เปลี่ยนชื่อจากแผนกวิชาวิศวกรรมโยธาเป็นภาควิชาวิศวกรรมโยธา ตาม พ.ร.บ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2522 และใน พ.ศ. 2526 ภาควิชาฯ ได้ปรับปรุงหลักสูตรระดับมหาบัณฑิต โดยให้เพิ่มอีก 1 สาขา ในภาควิชาวิศวกรรมโยธาคือสาขาวิชาบริหารการก่อสร้างขึ้น และในปีเดียวกันนั้นได้เปิดสอนหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตจนถึงปัจจุบัน ใน พ.ศ. 2530 สาขาวิศวกรรมแหล่งนํ้าได้จัดตั้งเป็นภาควิชาวิศวกรรมแหล่งนํ้า เปิดสอนเฉพาะระดับบัณฑิตศึกษา แต่การเรียนการสอนในระดับปริญญาบัณฑิตยังคงให้บริการต่อภาควิชาวิศวกรรมโยธาอย่างต่อเนื่อง
การพัฒนาภาควิชาฯ ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าทั้งด้านการเรียนการสอน การศึกษาวิจัยและการบริการวิชาการในลักษณะต่าง ๆ ทั้งการจัดอบรม การให้คำปรึกษางานความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและการถ่ายโอนเทคโนโลยีระดับสูงจากต่างประเทศ และการเข้าร่วมเป็นกรรมการให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ในภาครัฐและเอกชน
     ภาควิชาได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาวิจัยระดับนานาชาติ โดยวางพื้นฐานการศึกษารองรับความต้องการวิศวกรโยธาในระดับสากล โดยการปรับปรุงหลักสูตรให้รองรับการเรียนการสอนและการทำวิจัยของนิสิต ต่างชาติ และภาควิชาได้เข้าร่วมโครงการความร่วมมือในระดับนานาชาติ อาทิ โครงการ AUN/SEED-Net เพื่อพัฒนาบุคลากรในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยในภูมิภาคเข้าศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา โครงการหลักสูตรปริญญาโทร่วมสองสถาบันกับมหาวิทยาลัยฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น โครงการหลักสูตรวิศวกรรมระบบรางในระดับปริญญาโทร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือและมหาวิทยาลัยอาเคน ประเทศเยอรมนี นอกจากนั้น ภาควิชาได้เข้าร่วมหลักสูตรสหสาขาในระดับบัณฑิตศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่ หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาวิศวกรรมและเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ ตั้งแต่ พ.ศ. 2557 และ หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการความเสี่ยงและ ภัยพิบัติ ตั้งแต่ พ.ศ. 2559